ความฝันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับทุกคน แม้ในยามที่ร่างกายพักผ่อน แต่สมองของเรายังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราหลับ สมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความทรงจำยังคงส่งคลื่นสมองไปยังสมองใหญ่ ทำให้เกิดภาพและเรื่องราวที่เราเรียกว่า "ความฝัน (https://www.al-raddadi.com/guestpost/%e0%b8%97%e0%b9%8d%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%9d%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b9%86-%e0%b8%97%e0%b9%8d%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%9d%e0%b8%b1/)"
โดยความจริงแล้ว เราอาจฝันทุกคืน แต่มักจำไม่ได้ทั้งหมด เพราะในหนึ่งคืนเราฝันเพียงไม่กี่นาทีถึงสองชั่วโมง และมักจะจำความฝันในช่วงใกล้ตื่นได้มากกว่าช่วงแรกของการนอน
ทางด้านจิตวิทยา นักจิตวิทยาสมัยใหม่มองความฝันเป็นกลไกระบายความเครียดและความเหนื่อยล้าทางจิตใจ ทำให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลาย
ซิกมันด์ ฟรอยด์ เชื่อว่าความฝันเกิดจากประสบการณ์ในอดีต หรือสิ่งที่เรากังวลแต่ยังไม่เกิดขึ้น บางครั้งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก หรือบาดแผลทางใจที่ถูกเก็บกดไว้
ในขณะที่คาร์ล ยุง มองว่าความฝันเป็นการชดเชยทางอารมณ์และเป็นพื้นที่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เพราะในชีวิตประจำวัน เรามักแสดงตัวตนสาธารณะที่อาจต่างจากตัวตนภายใน ซึ่งจะปรากฏในความฝันแทน
เมื่อเรานอนหลับ ร่างกายเหมือนถูกปลดล็อก สิ่งที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกจึงถูกปล่อยออกมา แสดงให้เห็นเป็นภาพหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ในความฝัน ซึ่งแต่ละสัญลักษณ์ล้วนมีความหมายแฝงอยู่