• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 

🎯งานทดสอบความหนาแน่นของชั้นดิน✨ การทดสอบความหนาแน่นของดินในสนาม✅

Started by Jessicas, Jul 17, 2024, 04:15 AM

Previous topic - Next topic

Jessicas

การตรวจสอบความหนาแน่นของดินในสนาม เพื่อเปรียบเทียบกับความหนาแน่นที่ได้จากการทดสอบในห้องแล็บ จุดประสงค์ของการทดสอบ เพื่อประเมินความหนาแน่นของดินในสนาม ว่าหลังจากการบดอัดแล้ว พื้นที่นั้นสามารถรับน้ำหนักตามที่กำหนดได้หรือไม่

โดยทั่วไปการทดสอบหาความหนาแน่นแห้งของดินในสนาม คือ การหาค่าความหนาแน่นเปียกและปริมาณความชื้นเปียกในบริเวณบดอัดด้วยเครื่องจักร ในการทดสอบหาค่าความหนาแน่นของดินในสนาม จะมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี คือ

🥇🥇🥇1. Sand Cone Methodวิธีนี้ใช้ทรายในการหาปริมาตรของหลุมโดยทรายที่ใช้คือ ทราย Ottawa ซึ่งขนาดของเม็ดทรายจะมีลักษณะกลมและมีขนาดเท่าเท่ากัน (Uniform) หรือจะใช้ทรายที่ร่อนผ่านตะแกรงเบอร์ 20 ค้างตะแกรงเบอร์ 30 ก็ได้ เพื่อให้ผลที่สม่ำเสมอและไม่แยกตัวขณะทดสอบ
🥇🥇🥇2. วิธีลูกโป่งยางวิธีนี้ใช้น้ำช่วยในการหาปริมาตรของหลุม ซึ่งสะดวกและรวดเร็วกว่าวิธีแรก ในการทดสอบต้องใช้ลมในการบีบอัดน้ำลงไปในหลุมทดสอบ ลมที่อัดลงไปนี้มีส่วนช่วยให้น้ำในลูกโป่งอัดแนบสนิทกับก้นหลุม ทำให้ได้ค่าปริมาตรของหลุมที่ถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น
🌏🌏🌏3. วิธีนิวเคลียร์เป็นการหาค่าความหนาแน่นของดินและปริมาณความชื้นของดินบดอัดแห้ง หาความหนาแน่นเปียกของดิน โดยใช้รังสีแกมม่า (Gamma Ray)ส่งผ่านดินที่ต้องการ ก่อนที่จะไปเข้าเครื่องรับรังสี ถ้ารังสีสะท้อนกลับไปเครื่องรับมาก แสดงว่าดินมีความหนาแน่นสูง ส่วนการหาปริมาณความชื้นโดยใช้นิวตรอนส่งผ่านเข้าไปในดินและสะท้อนไปยังเครื่องรับช้าแสดงว่าปริมาณน้ำในมวลดินมีมาก วิธีนี้สะดวกและรวดเร็วแต่ค่าใช้จ่ายสูง
⚡🎯👉📌
Quoteบริการ Soil Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท ทดสอบดิน บริการ Soil Boring Test วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 เว็บไซต์: เจาะสำรวจดิน.com
🦖✨🦖🛒
การก่อสร้างทางหลวง สนามบิน เขื่อน พื้นที่โรงงาน ฯลฯ จะต้องบดอัดด้วยเครื่องมือต่างๆ ตามชนิดและประเภทของวัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้าง หลังจากการบดอัดแล้ว ต้องตรวจสอบว่าดินมีความหนาแน่นตามที่ออกแบบ เช่น ชั้นรองพื้นทางต้องบดอัด 100% ชั้นดินเดิมและดินถมต้องบดอัด 95% การบดอัดนี้จะต้องมีการควบคุมความชื้นในดินและพลังงานที่จะใช้ในการบดอัดให้พอเพียงและประหยัด ถ้าบดอัดมากไปจะสิ้นเปลือง แต่ถ้าบดอัดน้อยไปจะไม่ถึงความแน่นที่ต้องการ

การหาความแน่นของดิน คือ หาน้ำหนักของดินที่บดอัดแล้วหารด้วยปริมาตรของหลุม และการที่จะหาปริมาตรของหลุมที่กล่าวนี้ จำเป็นจะต้องวัดหรือใช้วัสดุที่รู้ความแน่น (density) และความถ่วงจำเพาะแน่นอน แล้วไปแทนที่ในหลุมที่ขุดดินขึ้นมา ซึ่งการทดสอบอาจทำได้โดยใช้ทรายมาตรฐานหรือใช้น้ำ ทั้งสองวิธีใช้หลักการเดียวกัน

🥇🥇🥇ขั้นตอนการทดสอบ Field Density Test🥇🥇🥇

📌🦖🎯1. ปรับพื้นผิวทดสอบให้เรียบขนาดประมาณ 450×450 ตารางเซนติเมตร จากนั้นก็วางแผ่นฐานรองและตอกตะปูยึดให้แน่น ปัดฝุ่นที่ผิวดินและแผ่นฐานออก
👉📢🌏2. ใช้สกัดเจาะดินตรงกลางแผ่นฐาน และก้นหลุมที่เจาะจะต้องมีขนาดเท่ากับปากหลุมเจาะดินที่ขุดจากหลุมจะต้องเก็บให้หมดโดยใช้ช้อนเล็กตัก ใช้แปรงปัดเศษดินในกรณีเหลือดินน้อย
🌏⚡✨3. นำดินที่ได้จากการขุดมาชั่งและจดบันทึกค่าไว้หลังจากนั้น นำดินส่วนหนึ่งที่ขุดได้ไปชั่งเสร็จแล้วนำตัวอย่างดินส่วนหนึ่งไปหาค่าปริมาณความชื้น
🦖🎯✅4. ทำการคว่ำกรวยทรายที่เตรียมไว้แล้วลงบนปากหลุมโดยให้กรวยทรายพอดีกับแผ่นฐานรองแล้วเปิดวาล์ว ระวังอย่าให้เกิดการกระทบกระเทือนในขณะปล่อยทรายลงหลุม เพราะจะทาให้ค่าที่ได้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
✨🥇🛒5. สังเกตว่าเมื่อทรายที่ปล่อยลงหลุมหยุดไหลแล้ว ก็ทำการปิดวาล์วแล้วนำทรายที่เหลืออยู่ในกรวยไปชั่งน้ำหนักพร้อมกับกรวยทรายและจดบันทึกค่าไว้
🛒📌🦖6. นำทรายที่อยู่ในหลุมใส่ลงในกระป๋องเก็บทรายตามเดิมโดยพยามอย่าให้มีดินที่อยู่ในก้นหลุมติดทรายขึ้นมาด้วย เพราะว่าทรายที่เก็บขึ้นมาจะต้องทดสอบในหลุมอื่นๆ อีกต่อไป
Tags : ทดสอบเสาเข็ม Seismic Test